สารบัญ
เรื่อง
|
หน้า
|
CMS คือ อะไร
|
1
|
PHP
- Nuke
|
1
|
หน้าตาของ PHP-Nuke
|
2
|
ข้อดีของ PHP-Nuke
|
5
|
เกี่ยวกับผู้พัฒนา PHP-Nuke
|
5
|
เตรียมความพร้อมก่อนการใช้งาน PHP-Nuke
|
5
|
การติดตั้ง AppServ
|
6
|
การติดตั้ง PHP-Nuke
|
14
|
การใช้งาน PHP-Nuke เบื้องต้น
|
25
|
การใช้ป้ายประกาศ
|
25
|
การใช้งานเมนู (Blocks)
|
32
|
การจัดการโมดูล(modules)
|
36
|
การเลือกหน้ากากของเว็บไซต์และภาษา
|
37
|
การติดตั้ง modules, themes และ Blocks ใหม่
|
38
|
CMS คือ อะไร
CMS ย่อมาจาก Content Management System
เป็นระบบที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป
โดยในการใช้งาน CMS นั้นผู้ใช้งานแทบไม่ต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม
ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ โดยที่ตัว CMS เองมีโปรแกรมประยุกต์
แบบพร้อมใช้งานอยู่ภายในมากมายอาทิ ระบบจัดการบทความและข่าวสาร(News and
Story) ระบบจัดการบทวิจารณ์ (Review), ระบบจัดการสมาชิก(Mamber)
ระบบสืบค้นข้อมูล(Search) ระบบจัดการไฟล์ดาวน์โหลด(Download),
ระบบจัดการป้ายโฆษณา(Banner), ระบบการวิเคราะห์และตรวจสอบสถิติความนิยมในเว็บไซต์
(Analysis, Tracking and Statistics) เป็นต้น
ภาพที่ 1 แสดงส่วนประกอบของ CMS
ปัจจุบันซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้าง CMS มีหลายตัวด้วยกันอาทิเช่น PostNuke, PHP-Nuke, MyPHPNuke, Mambo,
eNvolution, MD-Pro, XOOPs, OpenCMS, Plone, JBoss, Drupal เป็นต้น
PHP
- Nuke
PHP-Nuke คือ ระบบเว็บท่า (Web Portal
System) เหมือนอย่าง Sanook Hunsa ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี
หรือโปรแกรมที่ใช้เล่าเรื่องราว (Story Telling Software) ในสิ่งที่เราต้องการนำเสนอผ่านเว็บ
หรือแม้แต่ชุมชนออนไลน์ (Online Community) แบบ Pantip
ก็ทำได้หรืออื่นๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้งาน PHP-Nuke
ถูกจัดอยู่ในโปรแกรมประเภท ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management
System :CMS) และเป็นโปรแกรมแบบ Open Source (Free Software)
โดย PHP-Nuke สร้างมาจากข้อมูลพื้นฐานระหว่างภาษาพีเอชพี(PHP) ร่วมกับระบบฐานข้อมูล MySQL
โดยผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ชุดนี้อยู่ภายใต้ของลิขสิทธิ์ GNU General Public License(GPL)
คือสามารถนำไปแก้ไขดัดแปลงได้ โดยที่จะยังคงชื่อ และส่วนต่างๆของ
ข้อมูลอยู่โดยครบและไม่มีการซื้อขายใดๆทั้งสิ้น
วัตถุประสงค์
PHP-Nuke นั้นออกแบบมาสำหรับใช้เป็น ระบบข่าวสาร
/ บทความอัตโนมัติ (News/ Articles Automated System) ที่ผู้เข้ามาใช้สามารถมีส่วนร่วม
โดยการส่งข่าวสาร / บทความ / ข้อเสนอแนะ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันในข่าวสารหรือบทความต่างๆ
เหมาะสำหรับใช้งานใน Internet หรือ Intranet โดยผู้ดูแลระบบ (Administrator) สามารถควบคุมดูแล
เว็บไซต์ ตลอดจนสมาชิกทั้งหมด ด้วยเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพในการบริหารและการจัดการเว็บไซต์
ที่สามารถสั่งงานผ่านทางอินเตอร์เน็ต ใช้ประโยชน์จากการนำเอาระบบฐานข้อมูลมาใช้ ที่สำคัญง่ายต่อการใช้งานและดูแลรักษาเว็บไซต์
ด้วยอินเตอร์เฟชภายในแบบรูปแบบภาพ (GUI) ยืดหยุ่นในการขยายระบบการทำงานแบบโมดูล
(Modules) และประกอบไปด้วยรูปแบบในการนำเสนอที่กลมกลืนและสวยงาม
ที่เรียกว่า ธีม (Theme) นั่นเอง
หน้าตาของ PHP-Nuke
แบ่งตามโครงสร้างได้ดังนี้
1. Header หรือส่วนหัวของเว็บ จะปรากฏอยู่ทุกๆหน้าของเว็บเพจในเว็บไซต์
จึงมักเป็นส่วนที่เอาไว้แสดงสัญลักษณ์ประจำเว็บไซต์ หรือลิงก์ที่สำคัญและใช้กันบ่อยๆ
เช่น เมนูหรือลิงก์ Home สำหรับคลิกกลับมาที่หน้าแรกของเว็บไซต์
หรืออื่นๆขึ้นอยู่กับสคริปต์ของ PHP-Nuke ที่เขียนไว้ในแต่ละ
Theme ( เป็นส่วนที่ใช้ในการควบคุมรูปร่างหน้าตาของเว็บไซต์และวิธีที่สิ่งต่างๆแสดงออกไปปรากฏแก่ภายนอก
โดยจะประกอบไปด้วยกลุ่มของฟังก์ชันมาตรฐาน และตัวแปรที่สามารถเรียกใช้ได้โดยโมดูลหรือเมนูใดๆบนเว็บไซต์
)
ภาพที่ 2 แสดงส่วน Header ของ
PHP-Nuke
2. Body หรือส่วนเนื้อหาในเว็บไซต์ ซึ่งแบ่งพื้นที่เป็นส่วนย่อยอีก 3 ส่วน ดังนี้
พื้นที่ฝั่งซ้าย พื้นที่ตรงกลางและพื้นฝั่งขวา ซึ่งแต่ละส่วนจะมีบล็อกย่อยๆ
อยู่หลายบล็อก เนื่องจาก PHP-Nuke เป็นระบบ CMS (Content Management System) ที่ประกอบขึ้นจากโมดูลย่อยๆมากมาย
และเนื่องจากเป็นซอฟท์แวร์ Open Source การพัฒนา
PHP-Nuke จึงสามารถพัฒนาโมดูลใหม่ๆเพิ่มเติมได้ โมดูลเป็นส่วนที่เป็นเนื้อหาของเว็บไซต์ซึ่งผู้เข้าชมสามารถใช้งานได้
ภาพที่ 3 แสดงส่วน Body ของ
PHP-Nuke
โมดูลส่วนใหญ่สามารถที่จะกำหนดให้ทำงาน (Activated)
หรือไม่ทำงาน (Deactivated) ได้ที่ส่วนการจัดการของโมดูล
โดย Admin ของระบบ
แสดงรายชื่อของโมดูล
ตัวอย่างโมดูล
• โมดูล AvantGo บริการสำหรับให้ผู้ชมเรียกดูบทความ
• โมดูล Feedback บริการสำหรับให้ผู้ชมเขียนข้อเสนอแนะ
• โมดูล Recommend us บริการสำหรับให้ผู้ชมแนะนำเว็บให้เพื่อน
• โมดูล Search บริการสำหรับให้ผู้ชมค้นหาข้อความหรือคำ
• โมดูล Statistics เป็นโมดูลที่ไม่ต้องทำอะไร เอาไว้เก็บ
• โมดูล Stories Archive แสดงบทความให้อ่าน
• โมดูล Top 10 รวบรวมและแสดงสถิติการจัดอันดับความนิยมด้านต่างๆภายในเว็บไซต์
• โมดูล Topic แสดงบทความให้อ่านโดยแบ่งตาม Topic
• โมดูล Forums
• โมดูล News
• โมดูล Reviews
• โมดูล Web link
• โมดูล Download
บล็อก (Block) คือเมนู
อาจใช้แสดงข้อมูลข่าวสารหรือการโฆษณา Block ส่วนใหญ่สามารถที่จะกำหนดให้ทำงาน
(Activated) หรือไม่ทำงาน (Deactived) ได้ที่ส่วนการจัดการของ
Block โดย Admin ของระบบได้เช่นกัน
Block แบ่งเป็น 3
ประเภท คือ
• HTML
• File
• RSS/RDF
บล็อก Who's online แสดงจำนวนผู้ชมที่เข้าชมเว็บขณะนี้ และบอกให้ผู้ชมเว็บรู้เขามีสถานะเป็นเพียงผู้เข้าชมเว็บธรรมดาทั่วไป
หรือเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ บล็อก Languages เป็นบล็อกที่ให้เลือกภาษาในการแสดงผล
และบล็อก Amazon ซึ่งแสดงชื่อสินค้าในเว็บไซต์ www.amazon.com (amazon.com
เป็นสปอนเซอร์รายหนึ่งของ PHP-Nuke) บล็อกย่อยๆ
ทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ฝั่งซ้าย พื้นที่ตรงกลาง หรือพื้นที่ฝั่งขวาก็ตามสามารถจะย้ายสลับตำแหน่งกันได้
3. Footer หรือส่วนท้ายของเว็บ จะปรากฏอยู่ตอนท้ายของทุกๆหน้าเว็บเพจในเว็บไซต์
โดยกำหนดให้แสดงข้อมูลเกี่ยวกับอะไรในบริเวณนี้ก็ได้ เช่น โลโก้ของเว็บไซต์ที่เป็นสปอนเซอร์
แสดงข้อความประกาศลิขสิทธิ์ หรือแสดงข้อความบอกให้ผู้ชมทราบว่าต้องกำหนดขนาดหน้าจอเป็นเท่าไรจึงจะเหมาะสมกับการดูเว็บไซต์
เป็นต้น
ภาพที่ 4 แสดงส่วน Footer ของ
PHP-Nuke
ทั้ง Header, Body และ Footer
นี้ สามารถจัดการวางตำแหน่ง และแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาได้ทั้งหมด
โดยอาศัย Administration Menu อันเป็นศูนย์กลางในการทำงานทุกอย่าง
ดังนั้น Administration Menu จึงเป็นส่วนที่สำคัญและต้องใช้บ่อยที่สุด
ข้อดีของ PHP-Nuke
มีหลายๆ โปรแกรมที่มีลักษณะการทำงานคล้ายๆกับ PHP-Nuke
ตัวอย่างเช่น Postnuke, phpWebSite, myPHPNuke, Xoops และอื่นๆ แต่ PHP-Nuke ถูกออกแบบให้สามารถปรับแต่งได้
มีความยืดหยุ่นสูง ง่ายและสะดวกต่อการใช้งานช่วยทุ่นเวลาในการทำงานของเว็บมาสเตอร์ในการบริหารเว็บไซต์
PHP-Nuke ยังประกอบไปด้วยคุณสมบัติเด่นมากมายที่ไม่มีในระบบอื่น ตลอดจนมีการพัฒนาและปรับปรุงตลอดเวลา
( ปัจจุบันเวอร์ชัน 8.0)
เกี่ยวกับผู้พัฒนา PHP-Nuke
ผู้พัฒนา PHP-Nuke คือ Fracidco
Burzi (FB) เกิดใน Quebec
ประเทศแคนาดาโดยเริ่มแรกเมื่อปี 1998 เขาเป็นเว็บมาสเตอร์
http://linuxpreview.org
ภาษาที่ใช้คือ Perl และเรียกเว็บไซต์ที่เขาเขียนว่า
Nuke แต่หลังจากนั้น 1 ปีเว็บไซต์มีขนาดใหญ่ขึ้น
ดังนั้นเขาจึงต้องหาโฮสต์ที่มีระบบใหญ่กว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น ซีพียูหรือฮาร์ดดิสก์
และเขาก็ได้ตัดสินใจเลือกเช่าใช้บริการเว็บโฮสติ้งที่ Slash ซึ่งเป็นที่เดียวกันกับ
Slashot.org ซึ่งเป็นเว็บที่รวมพบคนที่นิยมโอเพ่นซอร์ช
ต่อมาเขาพบว่าการเขียนเว็บไซต์ด้วยภาษา Perl
ทำให้ซีพียูทำงานหนัก เพราะไม่ได้ถูกออกแบบสำหรับเขียนเว็บโดยเฉพาะ ทำให้ต้องหาทางแก้ไขโดยหันมาเริ่มศึกษา
PHP แล้วเขาพบว่า PHP เป็นภาษาที่เขียนง่ายกว่า
Perl และเหมาะสมกับการพัฒนามากกว่า เขาจึงใช้เวลาเขียนและแก้ไขโค้ดโปรแกรมทั้งหมดด้วย
PHP และหลังจากนั้น 3 สัปดาห์
PHP-Nuke จึงเกิดขึ้น
สิ่งที่ต้องรู้ในการใช้
PHP-Nuke
• ต้องทราบถึงหลักการทำงานเบื้องต้นในการเปลี่ยนแปลงค่าสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วยคำสั่งการจัดการ
(administrative function) ของ PHP-Nuke โดยระบบเองถูกออกแบบให้ทำงานต่างๆอย่างอัตโนมัติผ่านเว็บบราวเซอร์ต่างๆของคุณ
( จากเมนูผู้ดูแลระบบ
) โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขไฟล์ที่เซิร์ฟเวอร์โดยตรง (web base
administration)
• HTML เป็นสิ่งที่จำเป็นในกรณีที่ต้องการปรับแต่งเว็บไซต์นอกเหนือจากที่ระบบมีมาให้
• ความรู้เกี่ยวกับ
PHP และ MySQL มีความจำเป็นในกรณีที่ต้องการปรับปรุงหรือพัฒนาระบบ
PHP-Nuke ให้มีลักษณะเฉพาะที่เป็นรูปแบบของเราเอง
เตรียมความพร้อมก่อนการใช้งาน PHP-Nuke
ในการใช้งาน PHP-Nuke
นั้นสามารถติดตั้งใช้งานได้ 2 ลักษณะ คือ
1. ติดตั้งบน Web Server ที่รองรับฐานข้อมูล My-SQL หรือ PostgresSQL และตัวแปลภาษา PHP
2. ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ PC โดยจำลองเครื่องให้เป็น
Web Server ซึ่งมีโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้มากมายและยังสามารถใช้งานได้ฟรี โดยในครั้งนี้เราจะใช้โปรแกรม AppServ ซึ่งพัฒนาโดยทีม AppServ-Network
AppServ คือ
โปรแกรมที่รวมเอา Package ของ
-
Apache ใช้สร้าง Web Server
-
PHP ตัวแปลภาษา PHP
-
MySQL ฐานข้อมูล
-
PHPMyAdmin โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล MySQL
การติดตั้ง AppServ เพื่อจำลองเครื่องตนเองเป็นเว็บเซิฟเวอร์
และติดตั้ง PHP-Nuke เริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลดไฟล์ AppServ
และ PHP-Nuke มาเตรียมเอาไว้ สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์
การติดตั้ง AppServ
หลังจาดดาวน์โหลดโปรแกรม AppServ เวอร์ชัน 2.5.10
แล้วไฟล์ที่ได้ดาวน์โหลดมาชื่อ appserv-win32-2.5.10.exe ให้ทำการติดตั้งโดยการรันไฟล์ appserv-win32-2.5.10.exe
ภาพที่ 5 การติดตั้งโปรแกรม AppServ
เมื่อคลิก Next> ตัวติดตั้งจะแสดงข้อตกลงและลิขสิทธิ์การใช้งาน
ภาพที่ 6 ข้อตกลงและลิขสิทธิ์
เมื่อคลิก I Agree
เพื่อยอมรับข้อตกลง ตัวติดตั้งจะให้เราเลือกไดร์ที่จะติดตั้งโปรแกรม
ภาพที่ 7 เลือกไดร์ที่ต้องการติดตั้งโปรแกรม
เมื่อคลิก Next> ตัวติดตั้งจะแสดง Package ต่าง
ๆ ที่ต้องการติดตั้งให้เลือกทั้งหมด
ภาพที่ 8 เลือกโปรแกรมที่จะติดตั้ง
เมื่อคลิก Next> ตัวติดตั้งจะให้ตั้งค่าของ Apache ให้กรอกข้อมูลดังนี้
Server Name ให้ใส่ localhost
Email ให้ใส่อีเมล์แอดเดรส
Port ให้ใส่ค่าตัวเลข ใส่ 80
ภาพที่ 9 ตั้งค่าโปรแกรม
Apache
ถ้าเราไม่กรอกข้อมูลให้ครบ
ตัวติดตั้งจะแจ้งข้อผิดพลาดให้เราทราบ
ภาพที่ 10 แสดงข้อผิดพลาดจากการตั้งค่า
เมื่อคลิก Next> ตัวติดตั้งจะให้ตั้งค่าโปรแกรม MySQL ให้กรอกข้อมูลดังนี้
Root password กรอก 2 ครั้งให้เหมือนกันจากตัวอย่างใส่ 1234
MySQL Server Setting ให้เลือกเป็น UTF-8 Unicode
ภาพที่ 11 แสดงตั้งค่าโปรแกรม
MySQL
เมื่อคลิก Install ตัวติดตั้งจะทำการติดตั้งโปรแกรมต่าง ๆ
ที่ได้ตั้งค่าไว้
รอสักครู่ให้โปรแกรมทำการติดตั้งจะเสร็จ
ภาพที่ 12 ตัวติดตั้งกำลังติดตั้งโปรแกรม
ถ้าในการติดตั้งนั้น ได้ติดตั้งบน Windows SP2
ซึ่งจะมี Firewall คอยบล็อกการทำงานของโปรแกรมบางอย่าง
จะมีหน้าต่างแสดงขึ้นมาให้เลือกว่าเราจะอนุญาตให้ทำงานอย่างไร ให้เราคลิกเลือก Unblock
ภาพที่ 13 Windows
Security Alert
เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วตัวติดตั้งจะให้เราเลือกว่าจะให้โปรแกรมได้เริ่มทำงานบ้าง ให้เลือกทั้งหมดแล้วคลิก Finish
ภาพที่ 14 การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์
เราสามารถทดสอบการทำงานของโปรแกรม
AppServ ได้โดยการเปิดโปรแกรม Internet Explorer แล้วเรียกไปที่ localhost จะแสดงรายละเอียดดังภาพ
|
ให้สร้างฐานข้อมูลสำหรับการติดตั้ง
PHP-Nuke โดยการคลิกไปที่ phpMyAdmin
Database Manager จากนั้นให้กรอก
User name และ Password ซึ่ง
Username จะเป็น root และ password คือ 1234 ตามที่ได้ตั้งไว้ตอนติดตั้ง
ภาพที่ 16 กรอก
User name และ Password
เมื่อเข้าโปรแกรม phpMyAdmin แล้วจะสามารถเลือกภาษาในการแสดงผลเป็นภาษาไทยได้ที่ช่องตัวเลือก Language
ภาพที่ 17 โปรแกรม phpMyAdmin
การสร้างฐานข้อมูล
ให้สร้างโดยเลือกชุดข้อมูลเป็น utf8_unicode_ci ในช่อง สร้างฐานข้อมูลใหม่ให้ใส่ชื่อฐานข้อมูลที่ต้องการสร้าง
จากตัวอย่างใส่ชื่อฐานข้อมูลเป็น phpnuke และชุดตัวอักษรเลือกเป็น utf8_unicode_ci แล้วคลิกที่ สร้าง
ภาพที่ 18 การสร้างฐานข้อมูล
จากนี้ก็เป็นการเตรียมการเสร็จแล้วสำหรับการติดตั้งและใช้งาน
PHP-Nuke
การติดตั้ง PHP-Nuke
PHP-Nuke
ที่ใช้ในการติดตั้งในครั้งนี้เป็น PHP-Nuke เวอร์ชั้น
8.0 และเป็นเวอร์ชั่นที่ได้ผ่านการพัฒนาจาก Thai nuke ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ชื่อว่า PHP-Nuke 8 Thai Attach Mods และได้มีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือใหม่ให้สามารถใช้งานง่ายขึ้น ไฟล์ที่ได้มาจะชื่อว่า PHP-Nuke-8.0-FCK_Thai_Specia-Edition.zip ให้แตกไฟล์ออกมา
ภาพที่ 19 การแตกไฟล์ zip
อย่างรวดเร็ว
ในการแตกไฟล์ ได้ทำการก็อปปี้ไฟล์จากแผ่น CD-Rom
มาไว้ที่ฮาร์ดดิสก์ก่อน เพื่อให้สามารถทำงานได้สะดวกขึ้น
เมื่อแตกไฟล์แล้วให้เขาไปในโฟล์ที่แจกไฟล์ออกมาจะมีรายละเอียดของไฟล์และโฟล์เดอร์ดังภาพ
ภาพที่ 20 ไฟล์และโฟล์เดอร์
โฟล์เดอร์ที่เก็บโปรแกรม PHP-Nuke คือ html
ให้เข้าไปในโฟล์เดอร์นี้ ทำการเลือกทั้งหมดด้วยการกดปุ่ม Ctrl+A แล้วกด Ctrl+C
ภาพที่ 21 ไฟล์และโฟล์เดอร์ของ PHP-Nuke
จากนั้นให้ไปที่โฟล์เดอร์ของ AppServ ที่ได้ติดตั้งไว้ แล้วเข้าไปที่โฟล์เดอร์ www
ภาพที่ 22 ไฟล์และโฟล์เดอร์ของ AppServ->www
ให้สร้างโฟล์เดอร์สำหรับเก็บโปรแกรม
PHP-Nuke ขึ้นมาจากตัวอย่างนี้สร้างโฟล์เดอร์ชื่อว่า NukeTest
ภาพที่ 23 สร้างโฟล์เดอร์ NukeTest
จากนั้นให้เข้าไปที่โฟล์เดอร์ NukeTest แล้วทำการวางไฟล์และโฟล์เดอร์ที่ได้ทำการก็อปปี้ไว้โดยการกดปุ่ม Ctrl+V
ให้ทำการแก้ไขไฟล์ config.php โดยการเปิดด้วย Text Editor ตัวใดก็ได้ แล้วทำการแก้ไขค่าต่าง ๆ ดังนี้
$dbhost = “localhost”; //
ชื่อโฮสของ Database Server MySQL
$dbuname = “root”; // ชื่อผู้ใช้
$dbpass = “1234”; // รหัสผ่าน
$dbname = “DBMSNukeTest”; // ชื่อฐานข้อมูล
$prefix = “nuke”; // คำนำหน้าตาราง
ภาพที่ 25 แก้ไขไฟล์ config.php
ถึงตรงนี้ก็เป็นการเตรียมพร้อมที่จะเริ่มการติดตั้งโปรแกรม
PHP-Nuke กันแล้ว
ให้คลิกไปที่ ต่อไป»
ภาพที่ 26 ตรวจสอบก่อนการติดตั้ง
หน้าแสดงลิขสิทธิ์ของ PHP-Nuke ให้คลิกไปที่ ต่อไป»
ภาพที่ 27 แสดงลิขสิทธิ์ของ PHP-Nuke
ตั้งค่าของฐานข้อมูล MySQL โดยให้กรอกชื่อโฮส, ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่านและชื่อฐานข้อมูลตามลำดับ
เสร็จแล้วให้คลิกไปที่ ต่อไป»
ภาพที่ 28 ตั้งค่าฐานข้อมูลของ PHP-Nuke
เมื่อคลิก ต่อไป» จะแสดงข้อความเตือนยืนยันความถูกต้อง
ภาพที่ 29 ข้อความเตือนยืนยันความถูกต้อง
ให้ตั้งชื่อของเว็บไซต์ที่ต้องการ แล้วคลิก ต่อไป»
ภาพที่ 30 ตั้งชื่อของเว็บไซต์
ให้ตั้งค่าผู้ดูแลเว็บโดยการกรอก url ของเว็บ ,อีเมล์และรหัสผ่านสำหรับผู้ดูแล
แล้วคลิก ต่อไป»
ภาพที่ 31 ตั้งค่าผู้ดูแลเว็บ
เมื่อแสดงหน้านี้ก็เป็นอันว่าการติดตั้ง PHP-Nuke
เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ซึ่งจะแสดงรายละเอียดและข้อแนะนำให้ทราบ
ภาพที่ 32 ติดตั้ง PHP-Nuke เสร็จสมบูรณ์
เมื่อคลิกไปที่ ส่วนจัดการ PHP-Nuke จะให้ทำการล็อกอินเข้าสู่ระบบจัดการก่อน โดยรหัสผู้ดูแลเว็บจะเป็น admin และรหัสผ่านตามที่ได้ตั้งไว้ขณะติดตั้ง
จากตัวอย่างนี้จะเป็น nuke123456
ภาพที่ 33 เข้าสู่ระบบผู้ดูแลเว็บ
เมื่อเราเข้าสู่ระบบผู้ดูแลเว็บแล้วจะมีบล็อกการจัดการข้อมูลอยู่
2 ชุดด้วยกันคือ บล็อกเมนูผู้ดูแลเว็บ และบล็อกจัดการโมดูล
ภาพที่ 34 บล็อกเมนูผู้ดูแลเว็บ
บล็อกเมนูผู้ดูแลเว็บ เป็นบล็อกเครื่องมือในการจัดการเว็บไซต์ของ PHP-Nuke ซึ่งเครื่องมือที่มีการใช้งานบ่อยมีดังนี้
· เมนู ใช้จัดการการสร้างและเรียกใช้งานบล็อกต่าง
ๆ
· ประกาศ ใช้จัดการข่าวและป้ายประกาศต่างซึ่งแสดงอยู่ในพื้นที่ตรงกลาง
· โมดูล ใช้จัดการโมดูลที่ถูกติดตั้งใน
PHP-Nuke สามารถเปิด-ปิดการใช้งานและแสดงเป็นเมนูที่พื้นที่ฝั่งซ้าย
·
ค่าติดตั้งเฉพาะระบบ ใช้จัดการการตั้งค่าต่าง ๆ
ของเว็บเช่นการเลือกภาษา,รูปแบบของเว็บ,ข้อความส่วน Footerของเว็บ
เป็นต้น
·
แก้ไขผู้ดูแลเว็บ ใช้จัดการผู้ดูแลเว็บ
เพิ่ม ลบ และกำหนดสิทธิต่าง ๆ
·
กลุ่มสมาชิก สร้างและจัดการกลุ่มสมาชอกของเว็บไซต์
·
จดหมายข่าว ใช้สำหรับการส่งจดหมายต่างๆ ถึงสมาชิดเว็บไซต์
·
Optimize DB ใช้สำหรับปรับปรุงและซ่อมแซมฐานข้อมูล
ภาพที่ 35 บล็อกจัดการโมดูล
บล็อกจัดการโมดูล เป็นบล็อกเครื่องมือในการจัดข้อมูลของแต่ละโมดูลในเว็บไซต์
ซึ่งมีโมดูลที่สำคัญและใช้งานบ่อย ๆ ดังนี้
·
เนื้อหา ใช้จัดการบทความเนื้อหาต่าง ๆ ในเว็บ
·
ดาวน์โหลด ใช้สำหรับการจัดการไฟล์ดาวน์โหลดต่าง ๆ
·
Forums ใช้สำหรับจัดการกระดานถามตอบหรือเว็บบอร์ด
·
แบบสำรวจ ใช้สำหรับสร้างและจัดการแบบสำรวจ(Poll)
·
หัวข้อเรื่อง ใช้สร้างกลุ่มหัวข้อซึ่งจะใช้งานร่วมกันกับข่าวสาร
·
ข่าวสาร ใช้สำหรับจัดการบทความ
·
สารบัญเว็บ ใช้สำหรับจัดการเว็บลิงค์
·
สมาชิก ใช้สำหรับการจัดการระบบสมาชิก
เมื่อทำการล็อกอินด้วยผู้ดูแลเว็บรายการเมนูฝั่งซ้ายจะมีเมนูเพิ่มขึ้นมาอีก
2 บล็อก คือเมนูสำหรับผู้ดูแลระบบ และเนื้อหารอการอนุมัติ
ภาพที่ 36 บล็อกเมนูที่เพิ่มมาเมื่อล็อกอินด้วยผู้ดูแลระบบ
เมื่อคลิกไปที่เมนู หน้าแรก ซึ่งเป็นหน้าโฮมเพจของเว็บจะมาข้อมูลและหน้าตาดังภาพ
ภาพที่ 37 เว็บไซต์หลังการติดตั้ง PHP-Nuke ใหม่ ๆ
การใช้งาน PHP-Nuke เบื้องต้น
ต่อไปนี้จะเป็นวิธีการใช้งานในฐานะผู้ดูแลเว็บเพื่อจัดการรูปอบบและข้อมูลต่าง
ๆ ให้เข้าสู่ระบบผู้ดูแลเว็บด้วย
url http://localhost/nuke/admin.php ซึ่งเราจะต้องเรียกไฟล์
admin.php เพื่อเข้าสู่ระบบผู้ดูแลเว็บให้เรากรอกรหัสผู้ดูแลและรหัสผ่านให้เรียบร้อยแล้วคลิกเข้าสู่ระบบ
การใช้ป้ายประกาศ
จากภาพที่ 37 จะเห็นว่า
ข้อมูลที่แสดงอยู่ขณะนี้จะเป็นข้อมูลตัวอย่างของ PHP-Nuke
แสดงข้อความต้อนรับ
ซึ่งส่วนนี้จะเป็นการใช้ป้ายประกาศ(messages) เมื่อคลิกไปที่ไอคอน ประกาศ จากนั้นเลื่อนแถบเลื่อนลงมาจะเห็นส่วนจัดการข้อมูลของของป้ายประกาศ ซึ่งมี 2 ส่วนด้วยกัน
คือส่วนที่แสดงป้ายประกาศเดิมและมีปุ่มสำหรับการแก้ไขและลบข้อมูล
ภาพที่ 39 ป้ายประกาศเดิมที่มีอยู่แล้ว
และส่วนที่ 2 คือส่วนที่ใช้สำหรับรับข้อมูลป้ายประกาศ
สามารถเพิ่มชื่อเรื่อง,เนื้อหา,กำหนดระยะเวลาใช้งาน,กำหนดการใช้งานและการอนุญาตให้เห็นได้
ภาพที่ 40 ส่วนรับข้อมูลของประกาศ
และจากภาพที่ 40
จะเห็นว่าช่องรับข้อมูลนั้นมีเครื่องมือจัดการเอกสารในรูปแบบ WYSIWYG
ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการข้อความบนเว็บไซต์ได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องการเขียนเว็บมากนักก็สามารถใช้งานได้โดยง่าย
ซึ่ง PHP-Nuke ในเวอร์ชันนี้ได้ใช้ FCK Editor with
file manager 2.2 ซึ่งทำให้สามารถจัดการไฟล์รูปภาพและแฟรชได้สะดวกขึ้น
เกี่ยวกับโปรแกรม FCK Editor สามารถดูได้โดยการคลิกที่
ภาพที่ 42 เกี่ยวกับโปรแกรม
FCK Editor
การแทรกรูปภาพลงในเอกสารคลิกที่ เพื่อเปิดหน้าต่างจัดการรูปภาพ ซึ่งมีเครื่องมือให้ใช้งาน 3 ส่วน คือข้อมูลรูปภาพ,
Linkและขั้นสูง
ภาพที่ 43 หน้าต่างจัดการรูปภาพ
ให้เลือกรูปภาพโดยการคลิกไปที่ เปิดหน้าต่างจัดการไฟล์อัพโหลด
ภาพที่ 44 หน้าต่างจัดการไฟล์อัพโหลด
สามารถสร้างโฟล์เดอร์สำหรับแยกเก็บไฟล์ต่าง
ๆ ได้โดยการคลิกไปที่ Create
New Folder ใส่ชื่อโฟล์เดอร์ที่ต้องการแล้วคลิก OK
ภาพที่ 45
หน้าต่างสร้างโฟล์เดอร์
การอับโหลดไฟล์รูปภาพ ให้คลิกไปที่ Browse… ให้เลือกไฟล์รูปภาพที่ต้องการเมื่อได้ภาพที่ต้องการแล้วคลิก
Upload
ถ้าไฟล์ที่จะอับโหลดไม่ใช่รูปภาพ จะมีข้อความแจ้งเตือน
ภาพที่ 47
เครื่องมือสำหรับอับโหลดไฟล์
ภาพที่ 48
ข้อความแจ้งเตือนเมื่ออับโหลดไฟล์ผิด
เมื่ออับโหลดไฟล์ภาพเสร็จแล้วให้คลิกที่ชื่อภาพที่ต้องการจะแทรก จะกลับมาที่หน้าต่างคุณสมบัติของรูปภาพ จากนั้นสามารถกำหนดค่าต่าง
ๆ ได้ตามต้องการ พร้อมทั้งสามารถดูตัวอย่างได้ด้วย
ภาพที่ 49
การแทรกและกำหนดคุณสมบัติของรูปภาพ
การแทรกแฟรชลงในเอกสารคลิกที่ เพื่อเปิดหน้าต่างจัดการแฟช
ภาพที่ 50
การแทรกและกำหนดคุณสมบัติแฟรช
การแทรกตารางลงในเอกสารคลิกที่ เพื่อเปิดหน้าต่างคุณสมบัติตาราง กำหนดค่าต่าง ๆ ตามต้องการ
ภาพที่ 51
การแทรกและกำหนดคุณสมบัติตาราง
การแทรกจุดลิงค์ สามารถทำได้โดยการเลือกข้อความ
หรือรูปภาพแล้วคลิกที่ เปิดหน้าต่างการกำหนดลิงค์
ภาพที่ 51
การแทรกลิงค์
เมื่อทำการแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ เสร็จแล้วคลิก บันทึกการเปลี่ยนแปลง เมื่อกลับมาดูที่หน้าแรกของเว็บ ข้อมูลจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามที่ใด้แก้ไข
การใช้งานเมนู (Blocks)
การจัดการเมนู ให้คลิกไปที่ไอคอน
เมนู เมื่อเลื่อนมาดูจะมีรายการเมนูต่าง ๆ อยู่บ้างแล้ว ซึ่งเมนูใน PHP-Nuke จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันคือ
ส่วนที่อยู่ฝั่งซ้าย กลาง และขวา
ภาพที่ 53
รายการเมนู
เมนูที่สร้างขึ้นมานี้จะสามารถกำหนดให้แสดงได้หลายลักษณะ เช่นกำหนดให้ทำงานหรือไม่
กำหนดให้แสดงให้เห็นเฉพาะสมาชิก,กำหนดให้แสดงเฉพาะผู้ดูแลเว็บหรือกำหนดให้เห็นได้หมดทุกคน นากจากนี้การกำหนดตำแหน่ง
ถ้ากำหนดตำแหน่งเป็นกึ่งกลางก็จะกลายเห็นเนื้อหาของเว็บหรือป้ายประกาศได้ด้วย
การเพิ่มเมนูที่ด้านซ้ายของเว็บไซต์
จากตัวอย่างนี้จะเป็นการเพิ่มโดยใช้บล็อกที่ชื่อว่า Total Hits ซึ่งเป็นบล็อกแสดงข้อมูลสถิติการเข้าชมเว็บไซต์
และกำหนดตำแหน่งเป็นซ้าย
ภาพที่ 54
การเพิ่มเมนูใหม่
เมื่อบันทึกข้อมูลแล้วกลับไปดูที่หน้าแรก จะเห็นเมนูที่เพิ่มเข้ามาทางด้านซ้ายล่างสุด
ภาพที่ 55
เมนูที่เพิ่มเข้ามา
ลำดับของเมนูจะอยู่ต่อท้ายของชุดเมนูตำแหน่งซ้าย
ภาพที่ 56
แสดงตำแหน่งของเมนู
สามารถย้ายตำแหน่งได้ด้วยการคลิกที่ลูกศร เพื่อเลื่อนลำดับขึ้น และ เพื่อเลื่อนลำดับลง
ภาพที่ 57
แสดงตำแหน่งของเมนูที่เปลี่ยนลำดับ
การเพิ่มเมนูตรงกลางของเว็บไซต์
โดยส่วนมากจะเป็นการเพิ่มเนื้อหา ข้อความ ต่าง ๆ
ซึ่งจะแสดงเป็นเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยเพิ่มเนื้อหาเอง
ไม่มีการใช้บล็อกที่มีมาให้
ภาพที่ 58 การสร้างเมนูตรงกลาง
การจัดการโมดูล(modules)
โมดูล หรือโปรแกรมอิสระ
ซึ่งเราสามารถติดตั้งเข้าใหม่หรือจะลบออกก็ได้ แต่ไม่สามารถติดตั้งผ่านระบบจัดการนี้ได้ จะเป็นจะต้องก็อปปี้ลงในโฟลเดอร์ modules ของ
PHP-Nuke
ภาพที่ 60 รายการโมดูลที่ติดตั้ง
การปรับแต่งโมดูลเราสามารถปรับแต่งได้บางส่วน
เช่น ชื่อโมดูลที่จะแสดงในเมนูหลัก
กำหนดสิทธิ์ในการมองเห็น
การเลือกหน้ากากของเว็บไซต์และภาษา
หน้ากากของเว็บไซต์หรือธีม(Theme) PHP-Nuke มีหน้ากากให้เลือกดาวน์โหลดได้มากมาย สามารถนำมาปรับแต่งใช้งานได้เองตามความเหมาะสม
ในการเปลี่ยนหน้ากากเว็บนั้น คลิกที่ไอคอน ค่าติดตั้งเฉพาะระบบ ที่บล็อกเมนูผู้ดูแลเว็บ เลื่อนลงไปที่ส่วนของ ข้อมูลทั่วไปของเว็บ
ภาพที่ 61 การเลือกหน้ากากของเว็บไซต์และภาษา
ในเริ่มแรกนี้ธีมที่ใช้จะมีเพียง 2 ธีมเท่านั้น คือ DeepBlue และ iCGStation เราสามารถเพิ่มได้ภายหลัง ส่วนรูปแบบของเวลาท้องถิ่นของไทยนั้นให้ใส่เป็น
th_TH
เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วให้เลื่อนไปล่างสุดเพื่อกด บันทึกการเปลี่ยนแปลง
หลังจากบันทักเสร็จจะเห็นรูปแบบของเว็บที่เปลี่ยนแปลงในทันที
ภาพที่ 62 แสดงการเปลี่ยนแปลงหลังจากเลือกธีมใหม่
การติดตั้ง modules, themes และ Blocks ใหม่
ก่อนการติดตั้งแต่ละอย่างนั้น
เราจำเป็นต้องทราบก่อนว่าจัดเก็บอยู่ที่ไหน ดังนี้
1.
modules คือโปรแกรมอิสระที่สามารถทำงานต่าง ๆ
ตามที่ผู้พัฒนากำหนดมา ซึ่งบางโมดูล อาจจะมี block
มาด้วย การติดตั้ง
โมดูลนั้นจะทำการก็อปปี้ไฟล์ต่าง ๆ ที่เป็นโมดูลลงในโฟลเดอร์ modules ซึ่งบางโมดูลอาจจะต้องทำการติดตั้งตารางข้อมูลลงในฐานข้อมูลด้วย บางโมดูลก็ทำการติดตั้งให้อัตโนมัติ ซึ่งต้องอ่านจากคู่มือที่มากับโมดูลนั้น ๆ
2.
blocks คือส่วนที่ใช้ในการสร้างเมนูใน PHP-Nuke บล็อกนั้นจะใช้งานง่าย
ติดตั้งไม่ยุ่งยากนัก
เพียงก๊อกปี้ไฟล์ลงในโฟล์เดอร์ blocks
ก็สามารถเข้าไปใช้ เมนู จัดการได้ทันที
3.
themes คือหน้ากากของเว็บไซต์ สามารถติดตั้งได้โดยการก็อปปี้ลงในโฟล์เดอร์ themes
การติดตั้ง โมดูล(modules) และ blocks
เมื่อเราได้โมดูลที่ต้องการมาให้แตกไฟล์ออกแล้วดูรายละเอียดต่าง ๆ ก่อนการติดตั้ง
หรืออ่านไฟล์คู่มือที่มีมาให้ก่อน จากตัวอย่างนี้จะเป็นการติดตั้งโมดูลที่ชื่อว่า Thai MP3 Player
1.3 เมื่อแตกไฟล์ออกมาแล้วจะเห็นว่ามีโฟล์เดอร์และไฟล์ดังนี้
ภาพที่ 63 โฟล์เดอร์และไฟล์ของ Thai MP3 Player
เมื่อเราอ่านจากไฟล์คูมือจะมีข้อความบอกดังนี้
|
จากข้อความนี้บอกให้นำไฟล์ทั้งหมดลงไปในโฟล์เดอร์
PHP-Nuke แล้วให้เสร็จแล้วรันไฟล์ install_mp3player.php เมื่อติดตั้ง
เมื่อก็อปปี้ลงในโฟล์เดอร์ของ
PHP-Nuke แล้วให้เปิดไปที่ http://localhost/nuke
/install_mp3player.php รอสักครู่ก็จะปรากฏดังภาพ
ภาพที่ 64 ผลการติดตั้งโมดูล
เมื่อกลับไปที่ส่วนจัดการเว็บไซต์
ในส่วนของบล็อกจัดการโมดูล
จะพบว่ามีไอคอนเพิ่มเข้ามาใหม่คือ MP3Player
ภาพที่ 65 โมดูลที่เพิ่มเข้ามา
โมดูลที่เพิ่มเข้ามาใหม่นี้จะยังไม่ถูกใช้งาน
ดังนั้นจะต้องไปกำหนดให้สามารถใช้งานได้ก่อน โดยไปที่บล็อกเมนูผู้ดูแลเว็บ และคลิกที่ไอคอน โมดูล
จากภาพจะเป็นว่าสถานะของโมดูลยังไม่ได้ใช้งาน ให้คลิกที่ปุ่มให้ทำงาน
เพื่อเปิดการทำงานของโมดูล
ภาพที่ 66 โมดูลยังไม่ใช้งาน
การเพิ่มหน้ากากของเว็บ(themes)
ธีมที่ได้มานั้น เมื่อแตกไฟล์ออกแล้วโดยส่วนมากจะมีโฟล์เดอร์ themes
แต่บางธีมก็จะมี blocks และ images มาด้วย
การติดตั้งให้ก็อปปี้โฟล์เดอร์ทั้งหมดลงในโฟล์เดอร์ของ PHP-Nuke ทับกับ themes เดิมเลย เพราะ ธีมจะไม่ทันกัน
เมื่อก็อปปี้แล้วให้กลับไปที่ ค่าติดตั้งเฉพาะระบบ
จะเห็นธีมใหม่ที่ติดตั้งปรากฏอยู่ในรายการเลือกของธีม ซึ่งจากตัวอย่างนี้
ได้เพิ่มธีมใหม่เข้ามา 3 ธีม คือ Amber, Angela และ Infusion
|
ที่มาและแหล่งข้อมูล
http://www.srru.ac.th/wrc/HTML/cms.htm
http://www.appservnetwork.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น